วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

มะขามเปียกผง ราคาส่ง ราคาถูก

https://www.facebook.com/samunpai.DDherb?ref=hl
มะขามเปียก
มะขามเปียก สมุนไพรคู่ครัวไทยที่มีสรรพคุณเป็นกรด มี AHA ในปริมาณที่สามารถใช้ขัดผิวหน้า ผิวตัว หรือแม้กระทั่งจุดแห้งกร้าน ให้เนียนนุ่ม และดูขาวใสขึ้นได้
*** ประโยชน์ของมะขามเปียก
1. มีรสเปรี้ยว หากนำมารับประทานจะทำให้ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายให้หมุนเวียนดีขึ้น
2. นอกจากนี้ยังใช้ทาน ช่วยแก้ไอ ขับเสมหะได้ ด้วยการนำเนื้อมะขามไปต้มให้สุก เติมเกลือเล็กน้อย แล้วค่อยๆ จิบ
3. หากนำเม็ดมะขามเปียกไปคั่วให้สุก กะเทาะเปลือกออก แล้วแช่น้ำจนเนื้อนิ่ม จะสามารถนำไปพอกแผลฝี หนอง และแผลเรื้อรังต่าง ๆ ให้บรรเทาลงได้
4. นำเม็ดมะขามไปผ่าตามแนวขวาง แล้วฝนกับน้ำมะนาว จะช่วยดูดพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้
5. มีกรดผลไม้ (AHA) หากนำมาขัดผิว จะช่วยผลัดเซลส์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก ช่วยให้ผิวสะอาด กระจ่างใส ลดรอยด่างดำและความหมองคล้ำให้จางลง จุดแห้งกร้านเนียนนุ่มขึ้น
***คำเตือน
การใช้มะขามเปียกขัดผิว หรือพอกหน้านั้น ไม่ควรใช้เกินอาทิตย์ละ 2 ครั้ง เพื่อป้องกันผิวถูกรบกวนมากเกินไปจนอาจระคายเคืองได้
ที่สำคัญทุกครั้งที่ขัดผิวหรือพอกหน้าด้วยมะขามปียกแล้ว อย่าลืมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ด้วยครีมบำรุง และครีมกันแดด SPF สูง ๆ นะคะ ผิวจะได้ขาวสดใส ไม่กลับไปคล้ำเสียอีก
***วิธีใช้
1. มะขามเปียกพอกหน้า ให้ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ห้ามเกินกว่านี้เพราะมะขามมีฤทธิ์เป็นกรดอาจทำให้ระคายเคืองได้ อาจจะรู้สึกคันยิบ ๆ เล็กน้อย เนื่องจากฤทธิ์ของกรด AHA ในมะขามค่ะ ถ้าแสบมากเกินไปให้รีบล้างออก
2. มะขามเปียกขัดหน้า ให้ใช้นิ้วมือค่อย ๆ นวดวนเบา ๆ เพื่อให้เซลล์ที่ตายแล้วหลุดออก และเกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ อย่าลืมว่าห้ามขัดเกิน 5 นาที เดี๋ยวหน้าไหม้หมดสวยแย่เลย
3. มะขามเปียกขัดผิว อาบน้ำให้สะอาด ทามะขามเปียกให้ทั่วตัว แล้วลงมือขัดวนไปเรื่อย ๆ อย่างเบามือ เน้นจุดด่างดำ และรอยหยาบกร้าน เช่น ข้อศอก หัวเข่า รักแร้ และ ฝ่าเท้า เป็นต้น ขัดวนจนทั่วตัว อย่าให้เกิน 15 นาที ถ้ารู้สึกแสบมากให้รีบล้างออก
*** ร้าน สมุนไพร DD herb จำหน่ายปลีก-ส่ง
* จำหน่าย : สมุนไพรแห้งและบดผงกว่า400 ชนิด ในราคาส่งเหมาะใช้ในร้าน
สปา ร้านผลิตเครื่องสำอางค์สมุนไพร ผงพอกหน้า ขัดหน้า ร้านเสริมสวย สั่งจำนวนมากคิดราคาพิเศษ
* สนใจติดต่อร้าน DD herbhttps://www.facebook.com/samunpai.DDherb?ref=hl
ID LINE / samunpaidd หรือ E-MAIL /samunpaidd@hotmail.com
หรือ โทร 085-9239035 หรือ Facebook/ สมุนไพรดีดีขายส่ง สมุนไพรพอกหน้า สมุนไพรแห้ง-บดผง

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พรมมิ เป็นสมุนไพรบำรุงสมอง เสริมความจำ

https://www.facebook.com/samunpai.DDherb?ref=hl
พรมมิ เป็นสมุนไพรบำรุงสมอง เสริมความจำ มีรสหวาน กินเจริญปัญญา (การออกฤทธิ์ดีกว่า แป๊ะก๊วย,โสม,ขิง และบัวบก)
พรมมิ หรือ Bacopa monnieri L.Wettst
ชื่อวงศ์ SCROPHULARIACEAE
เป็นผักพื้นบ้านที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย โดยมีถิ่นกำเนิดในเนปาลและ อินเดีย พรมมิเป็นพืช สะเทินน้ำสะเทินบก ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะ เช่นขอบสระน้ำ ลักษณะลำต้นใหญ่ อวบน้ำ ไม่มีขน เลื้อยทอดไปตามพื้นและชูยอดขึ้น ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่ค่อนข้างยาว โคนใบแคบ ปลายใบกว้างมนกลม ขอบใบเรียบ แตกจากลำต้นแบบตรงกันข้าม ออกเป็นดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบกลีบดอกสีขาวหรือสีครามอ่อนออกที่ง่ามใบ ผลรูปไข่ ตอนโคนติดกันเป็นหลอดตอนปลายแยกเป็น 5 กลีบ เกสรตัวผู้มี 4 อัน ติดอยู่กับกลีบดอก
สรรพคุณ
บำรุงความจำ บำรุงสมอง ป้องกันและรักษาโรคความจำเสื่อม เพิ่มการไหลเวียนโลหิตบริเวณหลอดเลือดแดงบนเยื่อหุ้มสมอง โรคซึมเศร้า อาการหลงๆ ลืมๆ อันเนื่องมาจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ เพิ่มคุณภาพชีวิตโดยโดยเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัว เพิ่มการตื่นตัวต่อสิ่งเร้า มีสมาธิมากขึ้น เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้และความจำ คลายอาการซึมเศร้า ไม่มีผลข้างเคียงไดๆต่อร่างกาย ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น ลดความเครียด
สรรพคุณทางยาของไทย
ลำต้น - ขับโลหิต ยอดอ่อน รับประทานเป็นผัก ทั้ง ๕ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ขับพิษร้อนทั้งปวง แก้ไข้ ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ ขับพยาธิ บำรุงประสาท บำรุงหัวใจ แก้หืด แก้ปวดประสาท แก้ลมบ้าหมู รักษาริดสีดวง
วิธีทาน พรมมิผงชง 3กรัม/วัน พรมมิเม็ด 6 แคปซูล/วัน พรมมิแห้งต้มทาน30กรัม/วัน
* ร้าน สมุนไพร DD herb จำหน่ายปลีก-ส่ง
***สมุนไพร100% แห้ง-บดผง-แคปซูล ขายส่ง-ขายถูก (จากโรงงานโดยตรง)
***สมุนไพรพอกหน้า ขัดหน้า บำรุงผิวพรรณ ทั้งแบบเดี่ยว100% และมีสูตรรวม 3สูตร
* สนใจติดต่อร้าน DD herb   https://www.facebook.com/samunpai.DDherb?ref=hl
ID LINE / samunpaidd หรือ E-MAIL /samunpaidd@hotmail.com
หรือ โทร 085-9239035 หรือ Facebook/ สมุนไพรดีดีขายส่ง สมุนไพรพอกหน้า สมุนไพรแห้ง-บดผง

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

มาทำน้ำสมุนไพร ตะลิงปลิง กันครับ

https://www.facebook.com/samunpai.DDherb
ตะลิงปลิง
***สรรพคุณและวิธีทำเครื่องดื่มสุขภาพดี น้ำตะลิงปลิง ครับ
ตะลิงปลิงมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Averrhoa bilimbi L.
วงศ์ Oxalidaceae นับเป็นญาติกับมะเฟือง
ลูกตะลิงปลิง 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 11 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยเส้นใย 0.3 กรัม แคลเซียม 1 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 6 มิลลิกรัม เหล็ก 0.2 มิลลิกรัม วิตามินเอ 267 หน่วยสากล (IU) วิตามินบีหนึ่ง 0.03 มิลลิกรัม วิตามินบีสอง 0.09 มิลลิกรัม ไนอาซีน 0.7 มิลลิกรัม วิตามินซี 2 มิลลิกรัม
***สรรพคุณในตำรายาไทย
ราก : สรรพคุณแก้พิษร้อนใน กระหายน้ำ ฝาดสมาน บำรุงกระเพาะอาหาร แก้เลือดออกตามกระเพาะอาหาร ลำไส้ ดับพิษร้อนของไข้ แก้ริดสีดวงทวาร แก้คัน แก้คางทูม แก้ไขข้ออักเสบ รักษาสิว รักษาซิฟิลิส บรรเทาโรคเกาต์ บรรเทาการอักเสบของลำไส้ใหญ่
ใบ : สรรพคุณใช้พอกแก้คัน ที่ประเทศฟิลิปปินส์ใช้พอกรักษาคางทูม โรคข้อรูมาตอยด์ และรักษาสิว ใช้ภายในโดยนำมาต้มดื่มรักษาอาการอักเสบของลำไส้ใหญ่ รักษาซิฟิลิส แก้ไขข้ออักเสบ น้ำต้มใบใช้อาบ
ให้กับผู้ป่วยที่มีไข้
ดอก : นำมาชงเป็นชา สรรพคุณแก้ไอ
ผล : สรรพคุณเจริญอาหาร บำรุงกระเพาะอาหาร ฝาดสมานและลดไข้ แก้เสมหะเหนียว ฟอกโลหิต ยาบำรุงแก้ปวดมดลูก แก้ไอ บรรเทาโรคริดสีดวงทวาร แก้ลักปิดลักเปิด ชาวเกาะชวากินผลร่วมกับพริกไทย เพื่อขับเหงื่อในผู้มีอาการซึมเศร้า
*** วิธีการทำเครื่องดื่มสุขภาพดี น้ำตะลิงปลิง
ส่วนผสม
ตะลิงปลิง
น้ำตาลทราย
น้ำเปล่า
เกลือ
***วิธีการทำ
นำน้ำเปล่าใส่หม้อตั้งไฟให้เดือด แล้วจึงใส่น้ำตาลทราย พอน้ำตาลทรายละลาย นำลงจากเตารอให้เย็น
ล้างตะลิงปลิงให้สะอาด แล้วจึงนำเมล็ดของตะลิงปลิงออก หันเป็นชิ้นพอที่จะใส่เครื่องปั้นได้
นำตะลิงปลิงมาใส่ในเครื่องปั่น โดยใส่น้ำเชื่อมที่เราทำไว้ ให้พอดีกับตะลิงปลิงที่เราใส่ลงไป เติมเกลืออีกนิดหน่อย แล้วจึงปั่นจนละเอียด
เมื่อปั่นจนละเอียดแล้ว นำมาแยกกากออกโดยการเทน้ำลงตะแกรง เราก็จะได้น้ำตะลิงปลิง เอาไว้ทานแล้วครับ
ร้าน สมุนไพร DD herb มีจำหน่ายส่ง
***สมุนไพร100% แห้ง-บดผง-แคปซูล ขายส่ง-ถูก (จากโรงงานโดยตรง)
***สมุนไพรพอกหน้า ทั้งแบบเดี่ยว100% และสูตรรวม 3สูตร บำรุงผิวหน้า พอกหน้า ขัดหน้า
สนใจติดต่อร้าน DD herb https://www.facebook.com/samunpai.DDherb
ID LINE / samunpaidd หรือ E-MAIL /samunpaidd@hotmail.com
หรือ โทร 085-9239035 หรือ Facebook/ สมุนไพรดีดีขายส่ง สมุนไพรพอกหน้า สมุนไพรแห้ง-บดผง





“กระเจี๊ยบ-พุทราจีน-มะตูม” ***มาทำน้ำสมุนไพร3สหายกันนะครับ***

***มาทำน้ำสมุนไพร3สหายกันนะครับ***
น้ำสมุนไพรสามสหาย “กระเจี๊ยบจีน-พุทรา-มะตูม”
สรรพคุณ มีฤทธิ์ขับปัสสาวะขับนิ่ว บำรุงไต ลดไขมันในเลือด
สรรพคุณ สมุนไพร”สามสหาย”
***กระเจี๊ยบ มีสรรพคุณ มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับนิ่วในไต และในระบบทางเดินปัสสาวะ แล้วยังมีฤทธิ์ลดไขมันในเลือด ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยย่อยอาหาร เป็นยาระบาย ละลายเสมหะ และดับกระหายน้ำ
***พุทราจีน มีสรรพคุณ บำรุงเลือด ช่วยบำรุงสายตาและผิวให้สุขภาพดีไม่เป็นโรคเกี่ยวกับผิวพรรณและ สายตา ตาไม่ฟาง และไม่บอดกลางคืน ช่วยบำรุงประสาท เลือด กระเพาะอาหารและม้าม
***มะตูม มีสรรพคุณ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว ขับลม แก้กระหายน้ำ คลายเครียด ช่วยให้มีสมาธิดีขึ้น ช่วยให้ระบบการย่อยอาหาร และระบบการขับถ่าย เป็นปกติ
***วิธีทำ :
นำสมุนไพรสามเกลอ คือ กระเจี๊ยบแดงแห้ง 30 กรัม เนื้อพุทราจีนแห้งไม่มีเมล็ด 30 กรัม มะตูมแห้ง 30 กรัม ล้างน้ำให้สะอาด เติมน้ำพอประมาณแล้วแต่ชอบข้นมากก็ใส่น้ำน้อย อยากได้ข้นน้อยก็ใส่น้ำมาก แล้วเคี่ยวไฟอ่อนๆ ราว 10-15 นาที จะเติมเกลือและน้ำตาลเล็กน้อยก็ได้ เพื่อให้ได้รสชาติดีขึ้น ดื่มขณะอุ่นๆ วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 1 แก้ว หลังอาหาร น้ำยาที่เหลือเก็บแช่ตู้เย็นได้ แล้วนำมาอุ่นเพื่อดื่มในมื้อต่อไป
สนใจติดต่อร้าน DD herb   https://www.facebook.com/samunpai.DDherb
ID LINE / samunpaidd หรือ E-MAIL /samunpaidd@hotmail.com
หรือ โทร 085-9239035 หรือ Facebook/ สมุนไพรดีดีขายส่ง สมุนไพรพอกหน้า สมุนไพรแห้ง-บดผง

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ข้อควรรู้ในการใช้สมุนไพรรักษาโรค

https://www.facebook.com/samunpai.DDherb?ref=hl
ข้อควรรู้ในการใช้สมุนไพรรักษาโรค
 ***  ผู้ป่วยมีอาการโรคที่รุนแรง ต้องนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที ไม่ควรรักษาด้วยการซื้อยารับประทานเองหรือใช้สมุนไพร  อาการที่รุนแรงมีดังนี้
1. ไข้สูง (ตัวร้อนจัด)  ตาแดง ปวดเมื่อยมาก ซึม บางทีพูดเพ้อ (อาจเป็นไข้หวัดใหญ่หรือไข้ป่าชนิดขึ้นสมอง)
2. ไข้สูงและดีซ่าน (ตัวเหลือง) อ่อนเพลียมาก อาจเจ็บในแถวชายโครง อาจเป็นโรคตับอักเสบ ถุงน้ำดีอักเสบ ฯลฯ
3.  ปวดแถวสะดือ เวลาเอามือกดเจ็บปวดมากขึ้น หน้าท้องแข็ง อาจท้องผูกและมีไข้เล็กน้อยหรือมาก (อาจเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบอย่างแรง หรือลำไส้ส่วนอื่นอักเสบ)
4  เจ็บแปลบในท้องคล้ายมีอะไรฉีกขาด ปวดท้องรุนแรงมาก อาจมีตัวร้อนและคลื่นไส้อาเจียนด้วย บางทีมีประวัติปวดท้องบ่อยๆ มาก่อน (อาจมีการะลุของกระเพาะอาหารหรือลำไส้)
5  อาเจียนเป็นโลหิต หรือไอเป็นโลหิต (อาจเป็นโรคร้ายแรงของกระเพาะอาหารหรือปอด) ต้องให้คนไข้นอนพักนิ่งๆ ก่อน ถ้าแพทย์อยู่ใกล้ควรเชิญมาตรวจที่บ้าน ถ้าจำเป็นต้องพาไปพบแพทย์ ควรรอให้เลือดหยุดเสียก่อน และควรพาไปโดยมีการกระทบกระเทือนน้อยที่สุด
6  ท้องเดินอย่างแรง  อุจจาระเป็นน้ำ บางทีมีลักษณะคล้ายน้ำซาวข้าว บางทีถ่ายพุ่ง ถ่ายติดต่อกันอย่างรวดเร็ว คนไข้อ่อนเพลียมาก ตาลึก หนังแห้ง (อาจเป็นอหิวาตกโรค) ต้องพาไปพบแพทย์โดยด่วน ถ้าไปไม่ไหวต้องแจ้งแพทย์หรืออนามัยที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว
7  ถ่ายอุจจาระเป็นมูกและเลือด บางทีเกือบไม่มีเนื้ออุจจาระเลย ถ่ายบ่อยมาก อาจจะตั้งสิบครั้งในหนึ่งชั่วโมง คนไข้เพลียมาก (อาจเป็นโรคบิดอย่างรุนแรง)
8  สำหรับเด็ก โดยเฉพาะอายุภายในสิบสองปี ไข้สูง ไอมาก หายใจมีเสียงผิดปกติ คล้ายๆ กับมีอะไรติดอยู่ในคอ บางทีก็มีอาการหน้าเขียวด้วย (อาจเป็นโรคคอตีบ) ต้องรีบพาไปพบแพทย์โดยด่วนที่สุด
9  อาการตกเลือดเป็นเลือดสดๆ จากทางไหนก็ตาม โดยเฉพาะทางช่องคลอด ต้องพาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
*** ข้อแนะนำในการใช้สมุนไพร
1.  ใช้ให้ถูกต้น  -สมุนไพรมีชื่อพ้องหรือซ้ำกันมาก และบางท้องถิ่นก็เรียกไม่เหมือนกัน จึงต้องรู้จักสมุนไพรและใช้ให้ถูกต้น
2.  ใช้ให้ถูกส่วน - ต้นสมุนไพรไม่ว่าจะเป็นราก ใบ ดอก เปลือก ผล เมล็ด จะมีฤทธิ์ไม่เท่ากัน บางทีผลแก่ ผลอ่อน มีฤทธิ์ต่างกันด้วย จะต้องรู้ว่าส่วนใดใช้เป็นยาได้
3.  ใช้ให้ถูกขนาด - สมุนไพรถ้าใช้น้อยไป ก็รักษาไม่ได้ผล แต่ถ้ามากไปก็อาจเป็นอันตราย หรือเกิดพิษต่อร่างกายได้
4.  ใช้ให้ถูกวิธี  -สมุนไพรบางชนิดต้องใช้สด บางชนิดต้องปนกับเหล้า บางชนิดใช้ต้ม จะต้องรู้วิธีใช้ให้ถูกต้อง
5.   ใช้ให้ถูกกับโรค  -เช่น ท้องผูก ต้องใช้ยาระบาย ถ้าใช้ยาที่มีฤทธิ์ฝาดสมานก็จะทำให้ท้องผูกยิ่งขึ้น
    นอกจากนั้น ยังต้องระมัดระวังในเรื่องความสะอาดในการเก็บยา การเตรียมยา และเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำยาจะต้องสะอาดด้วย มิฉะนั้นอาจเกิดโรคอื่นติดตามมา
 *** อาการแพ้ที่เกิดจากสมุนไพร
สมุนไพร มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับยาทั่วไป คือมีทั้งคุณและโทษ บางคนใช้แล้วเกิดอาการแพ้ได้ แต่เกิดขึ้นได้น้อย เพราะสมุนไพรมิใช่สารเคมีชนิดเดียวเช่นยาแผนปัจจุบัน ฤทธิ์จึงไม่รุนแรง (ยกเว้นพวกพืชพิษบางชนิด) แต่ถ้าเกิดอาการแพ้ขึ้นควรหยุดยาเสียก่อน ถ้าหยุดแล้ว อาการหายไป อาจทดลองใช้ยาอีกครั้งโดยระมัดระวัง ถ้าอาการเช่นเดิมเกิดขึ้นอีก แสดงว่าเป็นพิษของยาสมุนไพรแน่ ควรหยุดยาและเปลี่ยนไปใช้ยาอื่น หรือถ้าอาการแพ้รุนแรง ควรไปรับการรักษาที่ศูนย์บริการสาธารณสุขและโรงพยาบาล
 อาการที่เกิดจากการแพ้สมุนไพร มีดังนี้
1.  ผื่นขึ้นตามผิวหนัง อาจเป็นตุ่มเล็กๆ ตุ่มโตๆ เป็นปื้นหรือเป็นเม็ดแบบคล้ายลมพิษ อาจบวมที่ตา (ตาปิด) หรือริมฝีปาก (ปากเจ่อ) หรือมีเพียงดวงสีแดงที่ผิวหนัง
2.  เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน (หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง) ถ้ามีอยู่ก่อนกินยา อาจเป็นเพราะโรค
3.  หูอื้อ ตามัว ชาที่ลิ้น ชาที่ผิวหนัง
4.  ประสาทความรู้สึกทำงานไวเกินปกติ เช่น เพียงแต่แตะผิวหนังก็รู้สึกเจ็บ ลูบผมก็แสบหนังศีรษะ ฯลฯ
5.  ใจสั่น ใจเต้น หรือรู้สึกวูบวาบคล้ายหัวใจจะหยุดเต้น และเป็นบ่อยๆ
6.  ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเหลือง เขย่าเกิดฟองสีเหลือง (เป็นอาการของดีซ่าน) อาการนี้แสดงถึงอันตรายร้ายแรง ต้องรีบไปพบแพทย์
 *** ประโยชน์ของการใช้ยาสมุนไพร
 1. ราคาถูกกว่ายาแผนใหม่ (ยาแผนปัจจุบัน) มาก
2.  มีพิษและผลข้างเคียงน้อยกว่ายาแผนใหม่
3.  สมุนไพรบางชนิดเป็นทั้งอาหารและยาด้วย
4.  ไม่ต้องซื้อหา สามารถปลูกได้เองในบ้าน
5.  เหมาะกับคนส่วนใหญ่ เพราะสามารถนำมาใช้ได้เอง เมื่อรู้จักวิธีใช้
6.  ช่วยลดดุลย์การค้า ในการสั่งยาจากต่างประเทศ
7.  ทำให้คนเห็นคุณค่า และกลับมาดำเนินชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น
8.  ทำให้เกิดความภูมิใจ ในวัฒนธรรม และคุณค่าของความเป็นไทย
9.  เพื่อเป็นการอนุรักษ์มรดกไทยในการสนับสนุนให้ประชาชนช่วยตนเองในการใช้ยาสมุนไพรตามแบบแผนโบราณ

วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สมุนไพรวัยทอง-วัยหมดหรือใกล้หมดประจำเดือน


วัยทอง-สมุนไพรวัยหมดหรือใกล้หมดประจำเดือน ครับ
https://www.facebook.com/samunpai.DDherb?pnref=lhc
ลูกยอ สรรพคุณ 
เป็นสมุนไพรที่ช่วยเรื่อง สร้างสมดุลฮอร์โมนสำหรับเพศหญิง รับประทานยอเป็นประจำ เนื่องจากยอมีการออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโทรเจน ของหญิงซึ่งเมื่อหมดประจำเดือนฮอร์โมนเอสโตรเจนก็จะหมดด้วย ทำให้มีอาการแปรปรวนทั้งด้านร่างกาย และอารมณ์ ดังนั้นควรรับประทานยาประจำ และยอเป็นยาร้อนช่วยลดภาวะอาการหนาวใน หรือหนาวๆร้อนๆได้ครับ 
วิธีรับประทาน ยอ แคปซูล ครั้งละ 2-3 แคปซูล เช้า/ เย็น ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
**ข้อห้าม - กรณีผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ หรือโรคไตที่มีระดับโพแทสเซียมเกินในเลือด หรือเริ่มมีอาการบวมน้ำ ให้หลีกเลี่ยงการยอ
รากสามสิบ สรรพคุณ 
รายงานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่ารากสามสิบมีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ของผู้หญิง เช่น ภาวะประจำเดือนไม่ปกติ ภาวะหมดประจำเดือน ปวดประจำเดือน ตกขาว มีบุตรยาก หมดอารมณ์ทางเพศ ช่วยบำรุงครรภ์ บำรุงน้ำนม ป้องกันการแท้ง ฯลฯ โดยการนำรากไปตากแห้งแล้วบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนหรือแค็ปซูล
***วิธีทานรากสามสิบแคปซูลครั้งละ 2-4 แคปซูล ก่อนอาหาร เช้า/เย็น
***วิธีใช้ รากสามสิบ แห้ง 
ใช้ 1 กำมือ ต้มน้ำ 3 ลิตร ต้มพอเดือดให้เดือดต่อไปอีก 15-20 นาที ดื่มครั้งละ 1 แก้วกาแฟ ก่อนอาหารสามมื้อ ทานต่อเนื่องได้เรื่อยๆ
สรรพคุณ : 
ช่วยสร้างสมดุล แก่ระบบฮอร์โมนเพศหญิง* แก้ปวดประจำเดือน* แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ* แก้อาการตกขาว
* แก้ปัญหาช่องคลอดอักเสบ ช่วยดับกลิ่นในช่องคลอด* ช่วยให้ช่องคลอดกระชับ* บำรุงน้ำนม * ช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว 
* แก้ปัญหาการมีบุตรยาก ป้องกันการแท้งบุตร* ช่วยระบาย ขับปัสสาวะ * ลดกลิ่นตัว กลิ่นปาก * กระชับสัดส่วน 
* ช่วยเพิ่มขนาดหน้าอก และสะโพก * ช่วยลดไขมันส่วนเกิน* ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด* บำรุงเลือด และบำรุงหัวใจ 
* บำรุงฮอร์โมนเพศ * บำรุงผิวพรรณ * ลดสิว ลดฝ้า ช่วยผิวขาวใส* แก้อาการวัยทอง ชะลอความชรา
* ใช้รักษาโรคตับ ปอดพิการ * บำรุงกำลัง แก้กระษัย
วิธีใช้ รากสามสิบแห้ง 
ใช้ 1 กำมือ ต้มน้ำ 3 ลิตร ต้มพอเดือดให้เดือดต่อไปอีก 15-20 นาที ดื่มครั้งละ 1 แก้วกาแฟ ก่อนอาหารสามมื้อ ทานต่อเนื่องได้เรื่อยๆ
***สนใจติดต่อร้าน DD herb (มีแบบแคปซูล ราคาส่ง)
ID LINE / samunpaidd หรือ E-MAIL /samunpaidd@hotmail.com 
หรือ โทร 085-9239035 หรือ Facebook/ สมุนไพรดีดีขายส่ง สมุนไพรพอกหน้า สมุนไพรแห้ง-บดผง

สมุนไพรแก้ อาการตกขาวมีกลิ่น หรือตกขาวผิดปกติ

กลุ่มสมุนไพรแก้ อาการตกขาวมีกลิ่น หรือตกขาวผิดปกติ
https://www.facebook.com/samunpai.DDherb?ref=hl
***ว่านชักมดลูก 
เป็นยาบีบมดลูก ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็วหลังจากการคลอดบุตร ทำให้ประจำเดือนมาปกติ ขับประจำเดือนในกรณีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ รักษาโรคมดลูกพิการปวดบวม
สรรพคุณ : แก้ปวดมดลูก-แก้ตกขาว- แก้ริดสีดวงทวาร- แก้ไส้เลื่อน- ขับเลือด ขับลม ขับน้ำคาวปลา -แก้โรคลม - รักษาอาการอาหารไม่ย่อย
***วิธีใช้ :รับประทานครั้งละ 2-3 แคปซูล เช้า-เย็น

***รากสามสิบ
สรรพคุณ รายงานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่ารากสามสิบมีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ของผู้หญิง เช่น ภาวะประจำเดือนไม่ปกติ ภาวะหมดประจำเดือน ปวดประจำเดือน ตกขาว มีบุตรยาก หมดอารมณ์ทางเพศ ช่วยบำรุงครรภ์ บำรุงน้ำนม ป้องกันการแท้ง ฯลฯ โดยการนำรากไปตากแห้งแล้วบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนหรือแค็ปซูล
***วิธีทานรากสามสิบแคปซูลครั้งละ 2-4 แคปซูล ก่อนอาหาร เช้า/เย็น
***วิธีใช้ รากสามสิบ แห้ง 
ใช้ 1 กำมือ ต้มน้ำ 3 ลิตร ต้มพอเดือดให้เดือดต่อไปอีก 15-20 นาที ดื่มครั้งละ 1 แก้วกาแฟ ก่อนอาหารสามมื้อ ทานต่อเนื่องได้เรื่อยๆ

***เถาวัลย์เปรียง
สรรพคุณ : แก้ปวดเมื่อย แก้กษัย ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะกะปริบกะปรอย แก้ตกขาว 
1. เถาวัลย์เปรียงเป็นยาสมุนไพรที่ใช้แก้กษัย คืออาการปัสสาวะขุ่นข้น ปวดหลัง ปวดเอว
2. การรับประทานยาตำรับนี้อาจทำให้ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตด้วย
3. คนโบราณนิยมใช้เถาวัลย์เปรียงในการรักษาอาการตกขาว (ชนิดที่ไม่มีอาการคันไม่มีกลิ่น ไม่เปลี่ยนเป็นสีเขียว) ซึ่งอาจเนื่องมาจากเถาวัลย์เปรียงมีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกัน
***วิธีใช้ : รับประทานครั้งละ 1-2 แคปซูล วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร

***หมายเหตุ กลุ่มทีเป็นมะเร็ง ไม่แนะนำให้รับประทานสมุนไพรกลุ่มที่มีฮอร์โมน เพราะว่านชัดมดลูก-รากสามสิบ เป็นกลุ่มกระตุ้นฮอร์โมน อาจมีผลต่อเซลล์มะเร็งได้ สำหรับอาการตกขาวมีสมุนไพรที่ปลอดภัยกว่าที่จะแนะนำคือ เถาวัลย์เปรียง 
ทานครั้งละ 2 แคปซูล หลังอาหาร สามมื้อ ต่อเนื่องประมาณ 1 เดือน

***สนใจติดต่อร้าน DD herb (มีแบบแคปซูล ราคาส่ง)
ID LINE / samunpaidd หรือ E-MAIL /samunpaidd@hotmail.com 
หรือ โทร 085-9239035 หรือ Facebook/ สมุนไพรดีดีขายส่ง สมุนไพรพอกหน้า สมุนไพรแห้ง-บดผง

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

มะกอก หรือมะกอกฝรั่ง



https://www.facebook.com/samunpai.DDherb?pnref=lhc
มะกอก  
ชื่ออื่น :  มะกอกฝรั่ง มะกอกหวาน (ภาคกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Spondias cytherea  Sonn.
ชื่อสามัญ :  Jew's plum, Otatheite apple
วงศ์ :  Anacardiaceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ต้น สูง 7-12 เมตร เปลือกลำต้นสีเทาหรือน้ำตาลแดง ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ก้านใบยาว ใบย่อยรูปไข่ค่อนข้างเรียวแหลม ขอบใบหยักเล็กน้อย ดอก ออกเป็นช่อแบบเพนิเคิล ตามปลายยอด ดอกย่อยมีกลีบดอก 5 กลีบ สีขาว ฐานรองดอกมีสีเหลือง เป็นดอกสมบูรณ์เพส ผล รูปไข่หรือรูปกระสวย มียางคล้ายไรไข่ปลา ผลอ่อนมีสีเขียวเข้ม ผลแก่มีสีเขียวอมเหลือง สุกมีสีส้ม เมล็ด กลมรี เปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง และมีขนแข็งที่เปลือกหุ้มเมล็ด 
ส่วนที่ใช้ :  ผล เปลือก ใบ ยาง เมล็ด
สรรพคุณ :
•เนื้อผลมะกอก - มีรสเปรี้ยวฝาด หวานชุ่มคอ บำบัดโรคธาตุพิการ โดยน้ำดีไม่ปกติ และมีประโยชน์แก้โรคบิด แก้เลือดออก
   ตามไรฟันได้ด้วย
• น้ำคั้นใบมะกอก - ใช้หยอดหู แก้ปวดหูดี
• ผลมะกอกสุก - รสเปรี้ยว อมหวาน รับประทานทำให้ชุ่มคอ แก้กระหายน้ำได้ดี เช่น ผลมะขามป้อม
• เปลือก - ฝาด เย็นเปรี้ยว ดับพิษกาฬ แก้ร้อนในอย่างแรง แก้ลงท้องปวดมวน แก้สะอึก
• เมล็ดมะกอก - สุมไปให้เป็นถ่าน แช่น้ำ เอาน้ำรับประทานแก้ร้อนใน แก้หอบ แก้สะอึกดีมาก ใช้ผสมยามหานิล
• ใบอ่อน - รับประทานเป็นอาหาร
วิธีใช้ : ใช้ผลรับประทานเป็นผลไม้ และปรุงอาหาร

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2558

ต้นแก้ว



https://www.facebook.com/samunpai.DDherb
แก้ว(ต้นแก้ว) 
ช่วยขับพยาธิตัวตืด แก้บิด แก้ท้องเสีย เป็นยาขัยประจำเดือน ตำพอกบาดแผล
ชื่อวิทยาศาสตร์   Murraya paniculata  (L.) Jack
ชื่อสามัญ   Andaman satin wood, Chinese box tree, Orange jasmine
วงศ์   RUTACEAE
ชื่ออื่น :  กะมูนิง (มลายู-ปัตตานี) แก้วขาว (ภาคกลาง) แก้วขี้ไก่ (ยะลา) แก้วพริก ตะไหลแก้ว (ภาคเหนือ) แก้วลาย (สระบุรี) จ๊าพริก (ลำปาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ต้นขนาดเล็ก สูงได้ถึง 10 เมตร ไม่ผลัดใบ ใบ เป็นใบประกอบ ผิวใบมันเข้ม และเป็นมันทั้งสองด้าน ดอก ช่อ ออกเป็นกระจุก สีขาว ร่วงง่าย มีกลิ่นหอมมาก ผล สดกลมรี หรือรูปไข่ ปลายสอบเล็กน้อย ที่เปลือกมีต่อมน้ำมันเห็นได้ชัด กว้าง 5-8 มม. ยาว 0.8-1 ซม. ผลอ่อนสีเขียว ผลสุกสีส้มแดง เมล็ดรูปไข่ปลายสอบ มีขนสั้นๆ อยู่รอบเมล็ด กว้าง 4-6 มม. ยาว 6-9 มม. สีขาวขุ่น มีจำนวน 1-2 เมล็ดต่อผล
สรรพคุณ :
·         ก้านและใบ  - รสเผ็ด สุขุม ขม ใช้เป็นยาชาระงับปวด แก้ผื่นคันที่เกิดจากชื้น แก้แผลเจ็บปวดเกิดจากการกระทบกระแทก ต้มอมบ้วนปาก แก้ปวดฟัน  
·         ราก -  รสเผ็ด ขม สุขุม เป็นยาขับประจำเดือน ใช้แก้ปวดเอว แก้ผื่นคันที่เกิดจากชื้น และที่เกิดจากแมลงกัดต่อย
·         ใบ -  ขับพยาธิตัวตืด แก้บิด แก้ท้องเสีย 
·         ราก, ใบ - เป็นยาขับประจำเดือน 
·         ดอก, ใบ -  ช่วยย่อย แก้ไขข้ออักเสบ แก้ไอ เวียนศีรษะ
·         ผลสุก  รับประทานเป็นอาหารได้
วิธีใช้ :
1.       ใช้ภายใน รับประทานขับพยาธิตัวตืด แก้บิด แก้ท้องเสีย เป็นยาขัยประจำเดือน
- ใช้ก้านและใบสด 10-15 กรัม ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว รับประทานวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า-เย็น
-
  หรือใช้ดองเหล้า ดื่มแต่เหล้า ครั้งละ 1 ถ้วยตะไล ใช้เป็นยาขับประจำเดือน
-
  ใช้รากแห้ง 10-15 กรัม (สด 30-60 กรัม) ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว รับประทานวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า-เย็น
2.       ใช้ภายนอก
-
  ใช้ก้านและใบสด ตำพอก หรือคั้นเอาน้ำทาบริเวณที่เป็น
-
  ใช้ใบแห้งบดเป็นผงใส่บาดแผล
-
  รากแห้งหรือสด ตำพอก หรือต้มเอาน้ำชะล้างบริเวณที่เป็น
-
  ใบและก้านสด สกัดด้วยแอลกอฮอล์ 50 % ใช้เป็นยาชาเฉพาะที่



วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558

โรคเอดส์ สมุนไพรควบคุมโรคHIV

มุนไพรดีดี ขายส่ง สมุนไพรพอกหน้า สมุนไพรแห้ง-บดผง
https://www.facebook.com/samunpai.DDherb

โรคเอดส์ สมุนไพรควบคุมโรคHIV
1 สมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งฆ่าเชื้อ ไวรัส HIV มี มะระขี้นก ลูกใต้ใบ ฟ้าทะลายโจร พลูคาว กระเทียม
2 สมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เชื้อ ไวรัส HIV เห็ดหลินจือ ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร โสม กระเทียม บอระเพ็ด ,เหงือกปลาหมอ,มะขามป้อม
***สำหรับปัญหาผิวหนังที่เป็นแผล ให้ใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรซึ่งมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียได้ดี โดยนำผงฟ้าทะลายโจรละลายผสมน้ำเล็กน้อย พอกเวลากลางคืนขณะนอน โดยปิดด้วยผ้ากอซปิดแผลบางๆ ช่วงกลางวันควรทาปกติไม่ต้องปิดผ้ากอซ หรือถ้าใช้ใบฟ้าทะลายโจรสด ให้นำใบมาตำผสมเหล้าขาวเล็กน้อยทาแผลได้เช่นกัน
***วิธีใช้ 
-เห็ดหลินจือ แบบสกัด 5 แค็บซูล ทานก่อนอาหาร 3เวลา แต่ถ้าแบบแผ่น ต้องนำมาต้ม 15 นาที แล้วกินต่างน้ำ 
-ส่วนสมุนไพรอีก 7 ชนิดมี ลูกใต้ใบ ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน มะระขี้นก บอระเพ็ด มะขามป้อม เหงือกปลาหมอ นำมาอย่างละเท่าๆกัน มาบดเป็นผง ชงกับน้ำผึ้งแท้ๆ( 1 ช.ช.) รับประทานหลังอาหาร 3 เวลา

***วิธีใช้อีก 1 สูตร (ขอขอบคุณข้อมูลวิจัยบางส่วนของ นพ.วันชัย พานิชสุข)
***สมุนไพรที่เลือกใช้
1. เห็ดหลินจือ [ Ganoderma lusidum]
2. มะระขี้นก [ Bitter Cucomber]
3. ลูกใต้ใบ ผสม ฟ้าทะลายโจร [Phyllanthus amarus & Andrographis paniculata]
4. ขมิ้นชัน [Curcuma longa]
วิธีทำ ขั้นตอนที่ 1. ยับยั้งเอ็นไซม์ ( RT ) reverse Transcriptase 
ขั้นตอนที่ 2. ยับยั้งเอ็นไซม์ integrase
ขั้นตอนที่ 3. ยับยั้งเอ็นไซม์ protease
โดยพบว่าหากสามารถยับยั้งวงจรชีวิตของเชื้อไวรัส HIV ในขั้นตอนนี้ได้สำเร็จ ไวรัสจะไม่สามารถขยายตัวเพิ่มจำนวนได้ ซึ่งเป็นความหวังของผู้ติดเอดส์ทั่วโลก ปัจจุบันได้มีการค้นพบตัวยาที่ใช้ยับยั้งเชื้อ HIV ใน 3 ขั้นตอนดังกล่าวนี้บ้างแล้ว ซึ่งเป็นตัวยาที่ได้จากการสังเคราะห์จากสารเคมี นอกจากนี้ยังมีรายงานการทดลองในห้องปฏิบัติการพบว่ามีสารสกัดจากสมุนไพรหลายชนิด ที่สามารถยับยั้งไวรัส เชื้อ HIV ใน 3 ขั้นตอนได้เช่นกัน คือ
1 . สมุนไพรลูกใต้ใบ, มะรขี้นก ยับยั้งเชื้อ HIV –RT ในขั้นตอนที่ 1 
2. สมุนไพรขมิ้นชัน,มะระขี้นก และเห็ดหลินจือยับยั้งเชื้อ HIV-integrase และ protease ในขั้นตอนที่ 2 และ 3
3. สมุนไพรฟ้าทะลายโจร ก็สามารถยับยั้งเชื้อ HIV ได้เช่นกัน
***สูตรยาสมุนไพรที่ใช้
ยา เห็ดหลินจือสกัด 5 แคปซูล 3 เวลา ก่อนอาหาร
ยาลูกใต้ใบและฟ้าทะลายโจรสกัด 3 แคปซูล 3 เวลา ก่อนอาหาร
ยาขมิ้นชันสกัด 3 แคปซูล 3 เวลา หลังอาหาร ยามะระขี้นกสกัด 2 แคปซูล 3 เวลา หลังอาหาร

***สนใจติดต่อร้าน DD herb 
ID LINE / samunpaidd หรือ E-MAIL /samunpaidd@hotmail.com 
หรือ โทร 085-9239035 หรือ Facebook/ สมุนไพรดีดี ขายส่ง สมุนไพรพอกหน้า  สมุนไพรแห้ง-บดผง

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558

พิกัดเกสรทั้ง5



สมุนไพรบำรุงครรภ์ และโรคหัวใจ ครับ
พิกัดเกสรทั้งห้า(พิกัดเบญจเกสร)
พิกัดเกสรทั้งห้า เป็นสมุนไพร บำรุงครรภ์ ช่วยให้เลือดลมเดินดี บำรุงสายตา บำรุงเลือด บำรุงกำลัง โดยเฉพาะท่านที่มีปัญหาโรคหัวใจ ใจสั่น คลื่นใส้ เป็นยารส สุขุม เหมาะกับผู้สูงวัย
พิกัดเกสรดอกไม้ทั้ง 5 ชนิด ประกอบด้วย
- ดอกมะลิ- ดอกพิกุล- ดอกบุนนาค- ดอกสารภี- เกสรบัวหลวง
สรรพคุณ ของเกสรทั้ง5
✓ดอกมะลิ รสหอมเย็น แก้ไข้ ร้อนในกระหายน้ำ ดับพิษร้อน บำรุงหัวใจ บำรุงครรภ์ แก้เจ็บตา
✓ดอกพิกุล รสหอมสุขุม แก้ลม บำรุงโลหิต แก้ไข้จับหมดสติ
✓ดอกบุนนาค รสหอมเย็นขม บำรุงดวงจิตให้แช่มชื่น บำรุงโลหิต แก้ร้อนใน กระสับกระส่าย ชูกำลัง
✓ดอกสาระภี รสหอมเย็นขม แก้โลหิตพิการ แก้ไข้ที่มีพิษร้อน บำรุงหัวใจ ชูกำลัง เจริญอาหาร
✓เกสรบัวหลวง รสฝาดหอม แก้ไข้เพื่อลมและโลหิต บำรุงหัวใจ บำรุงครรภ์รักษา แก้ไข้รากสาด
*** สรรพคุณรวม – เป็นยาหอมเพื่อ ชูกำลัง บำรุงหัวใจ บำรุงครรภ์ บำรุงโลหิต บำรุงประสาท แก้ไข้เพื่อเสมหะและโลหิต แก้ไข้เพ้อคลั่ง แก้ลมวิงเวียน เจริญอาหาร แก้อาการอ่อนเพลีย หน้ามืดตาลาย แก้โรคตา ดื่มเป็นประจำช่วยให้กลิ่นกายหอมชื่น
*** บำรุงครรภ์มารดา ช่วยให้คุณแม่แข็งแรง-บุตรมีผิวพรรณดี
*** ป้องกันและบรรเทา โรคแพนิค(panic)ได้
***วิธีรับประทานชนิดแห้ง
นำเกสรทั้ง 5ชนิด(อัตราที่เท่ากัน) ประมาณ 1กำมือ(6ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ1ลิตรต้มน้ำให้เดือด กรองเอาเฉพาะน้ำดื่ม จิบคลายร้อนชื่นใจได้ดี ถ้าต้องการให้หอมน่าดื่มยิ่งขึ้นให้ใส่ใบเตยหอมหั่นแล้วคั่วไฟอ่อนๆ ต้มพร้อมกับส่วนผสมทั้งหมด และดื่มในขณะอุ่นๆ
***วิธีรับประทาน ชนิดแค็ปซูล และชนิดผง
ชนิดแคปซูล ครั้งละ 1-2 แคปซูล กินก่อนอาหาร 3 เวลา
ชนิดผง 1ช้อนชา / แก้ว กินก่อนอาหาร 3 เวลา
สนใจติดต่อร้าน DD herb
ID LINE / samunpaidd หรือ E-MAIL/samunpaidd@hotmail.com
หรือ โทร 085-9239035 หรือ Facebook/ สมุนไพรดีดีขายส่ง สมุนไพรพอกหน้า สมุนไพรแห้ง-บดผง

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

มะม่วงหิมพานต์


มะม่วงหิมพานต์ 
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Anacardium occidentale L.
ชื่อสามัญ : Cashew nut tree
ชื่ออื่น : กะแตแก (มลายู-นราธิวาส) กายี (ตรัง) ตำหยาว ท้ายล่อ ส้มม่วงชูหน่วย (ภาคใต้) นายอ (มลายู-ยะลา) มะม่วงกาสอ (อุตรดิตถ์) มะม่วงกุลา มะม่วงลังกา มะม่วงสินหน มะม่วงหยอด (ภาคเหนือ) มะม่วงทูนหน่วย ส้มม่วงทูนหน่วย (สุราษฎร์ธานี) มะม่วงยางหุย มะม่วงเล็ดล่อ (ระนอง) มะม่วงไม่รู้หาว มะม่วงหิมพานต์ (ภาคกลาง) มะม่วงสิโห (เชียงใหม่) มะโห (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน) ยาโงย ยาร่วง (ปัตตานี)
ส่วนที่ใช้ : ยางจากผลสด ที่ยังไม่สุก 1 ผล ที่เด็ดออกมาใหม่ๆ, ยางจากต้น เมล็ด
สรรพคุณ :
• ยางจากผลสด ยางจากต้น - เป็นยารักษาหูด
• เมล็ด - ผสมยารับประทาน แก้กลากเกลื้อน และโรคผิวหนัง แก้เนื้อหนังชาในโรคเรื้อน
• ยางจากต้น
- ทำลายตาปลา และกัดทำลายเนื้อที่ด้านเป็นปุ่มโต
- แก้เลือดออกตามไรฟัน
วิธีและปริมาณที่ใช้
• ยางจากผลสด - ที่ยังไม่สุก 1 ผล ที่เด็ดออกมาใหม่ๆ ใช้ยางจากผลทางตรงบริเวณที่เป็นหูด ทาบ่อยๆจนกว่าจะหาย
• ยางจากต้นสด - ทาตรงตาปลา หรือเนื้อที่ด้านเป็นบุ๋มโต ทาบ่อยๆ จนกว่าจะหาย

ดีบัวหลวง

https://www.facebook.com/samunpai.DDherb
สมุนไพรดีดี ขายส่ง สมุนไพรพอกหน้า สมุนไพรแห้ง-บดผง
ดีบัว (บัวหลวง)
สุดยอดบำรุงหัวใจ แก้เส้นเลือดตีบ ลดเบาหวาน ลดความดัน (เหมาะกับผู้สูงวัยมากๆครับ)
***สรรพคุณและวิธีใช้ :ตำรายาไทย:
ใช้ แก้อาการหงุดหงิดนอนไม่หลับ การติดเชื้อในช่องปาก ลดความดันโลหิตช่วยขยายเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ กรณีเส้นเลือดตีบ แก้กระหายน้ำ แก้กระหายหลังอาเจียนเป็นโลหิต แก้น้ำกามเคลื่อนขณะหลับ(ฝันเปียก)
***สรรพคุณของดีบัว
1 - ดีบัวมีสาร Methylcorypalline ซึ่งเป็นตัวช่วยทำให้เส้นเลือดขยาย ใช้เป็นยาขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ แก้เส้นเลือดตีบในหัวใจเนื่องจากมีไขมันไปเกาะที่ผนังหลอดเลือด เพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ และช่วยบำรุงหลอดเลือดหัวใจ โดยใช้ดีบัวแห้ง 1 หยิบมือ นำมาชงกับน้ำร้อน 1 แก้วปกติ แล้วใช้ดื่มในขณะที่ยังอุ่นๆ ก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง หรือจะปั้นเป็นเม็ดขนาด 0.5 กรัม ใช้กินครั้งละ 3-5 เม็ด ก่อนอาหารเช้าและเย็นก็ได้ แถมยังมีสรรพคุณช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ช่วยแก้ไข้และช่วยบำรุงร่างกายได้อีกด้วย (ดีบัว)
2- ช่วยผ่อนคลายความเครียด อาการหงุดหงิดนอนไม่หลับ ช่วยทำให้นอนหลับสบาย ด้วยการใช้ดีบัวประมาณ 1.5-6 กรัม นำมาต้มเอาน้ำดื่ม (ดีบัว)
3- ใช้ดีบัวประมาณ 1.5-6 กรัม นำมาต้มเอาน้ำดื่ม ก็มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิตสูงได้เช่นกัน อีกทั้งยังมีสรรพคุณช่วยขยายเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ในกรณีที่เส้นเลือดตีบ (ดีบัว)
4- ช่วยแก้อาการติดเชื้อในช่องปาก ด้วยการใช้ดีบัวประมาณ 1.5-6 กรัม นำมาต้มเอาน้ำดื่ม (ดีบัว)
5- ช่วยแก้อาการอาเจียนเป็นเลือด (ดีบัว)
6- ใช้ดีบัวนำมาต้มเอาน้ำดื่มก็มีสรรพคุณช่วยแก้กระหายน้ำด้วยเช่นกัน และยังช่วยอาการกระหายหลังอาเจียนเป็นเลือดได้ด้วย (ดีบัว)
7- ช่วยบำรุงถุงน้ำดี (ดีบัว)

วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

อ้อยแดง


อ้อยแดง เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา บำรุงธาตุน้ำ ครับ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Saccharum officinarum L.
ชื่ออื่น : อ้อย อ้อยขม อ้อยดำ (ภาคกลาง) กะที (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ส่วนที่ใช้ : ทั้งต้น ต้น น้ำอ้อย ผิวของต้นอ้อย มี wax
***สรรพคุณ :
• ทั้งต้น - แก้ปัสสาวะพิการ แก้ขัดเบา แก้ช้ำรั่ว แก้โรคนิ่ว แก้ไอ
• ต้น - แก้อาการขัดเบา แก้ปัสสาวะพิการ แก้ไข้ตัวร้อน แก้พิษตานซาง บำรุงธาตุน้ำ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้เสมหะเหนียว ทำให้ชุ่มชื่นในลำคอ ในอก บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ ขับน้ำเหลือง แก้ช้ำใน รักษาโรคไซนัส
• น้ำอ้อย - รักษาโรคนิ่ว บำรุงหัวใจ ทำให้ชุ่มชื่นในลำคอ แก้เสมหะ แก้หืด ไอ ขับปัสสาวะ บำรุงกำลัง เจริญอาหาร เจริญธาตุ
• ผิวของต้นอ้อย มี wax เอามาทำยา และเครื่องสำอาง
*****วิธีทำและปริมาณที่ใช้ :
ขับปัสสาวะ แก้อาการขัดเบา
ใช้ลำตันทั้งสดและแห้งขออ้อยแดง วันละ 1 กำมือ (สด 70-90 กรัม แห้ง หนัก 30-40 กรัม) หั่นเป็นชิ้นๆ ต้มกับน้ำดื่ม ครั้งละ 1 ถ้วยชา (75 มิลลิลิตร) วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า-เย็น
อ้อยแดงมีฤทธิ์ในทางขับปัสสาวะได้ในหนูขาว กองวิจัยทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รายงานว่า อ้อยแดงไม่มีพิษเฉียบพลัน

วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2558

พิลังกาสา


ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีกว่า ผักจำ ผักจ้ำแดง (เชียงใหม่, เชียงราย), ตีนจำ (เลย), ลังพิสา (ตราด), ทุรังกาสา (ชมพร), ราม (สงขลา), ปือนา (มลายู-นราธิวาส), พิลังกาสา (ทั่วไป), จิงจ้ำ, จ้ำก้อง, มะจ้ำใหญ่, ตาปลาราม, ตาเป็ด, ทุกังสา, มาตาอาแย เป็นต้น
หมายเหตุ : ในพืชวงศ์เดียวกัน “พิลังกาสา” ยังเป็นชื่อพ้องของพรรณไม้อีกหลายชนิด เช่น พิลังกาสาชนิดที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ardisia elliptica Thunb ซึ่งในชนิดนี้เราจะเรียกว่า “รามใหญ่” (มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ที่คล้ายคลึงกับพิลังกาสามาก และยังมีสรรพคุณทางยาที่เหมือนกันหลายอย่าง และ พิลังกาสาอีกชนิดที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ardisia colorata Roxb. ชนิดนี้โดยทั่วไปแล้วจะเรียกว่า “มะจ้ำก้อง”
ลักษณะของพิลังกาสา
• ต้นพิลังกาสา เป็นพันธุ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบกระจายพันธุ์อยู่ทั่วไปตั้งแต่หมู่เกาะริวกิวของประเทศญี่ปุ่น และกระจายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึงอินเดียภาคใต้[ โดยจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อม มีความสูงของต้นประมาณ 2-3 เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านสาขาออกรอบต้น แต่ไม่มากนัก ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ชอบดินทรายหรือดินเหนียว แต่ไม่ชอบดินแฉะ โดยจะพบพรรณไม้ชนิดนี้ได้ตามป่าราบ และมีประปรายอยู่ทั่วไปบ้างว่าพบได้ตามป่าโปร่ง ป่าดิบเขาทั่วไป ที่ราบสูง
สรรพคุณของพิลังกาสา
1. ผลสุกนำมาตากแห้งบดเป็นผงผสมกับน้ำผึ้ง แล้วปั้นเป็นลูกกลอนกิน หรือใช้ผง
ยา 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำครึ่งแก้วดื่มช่วยบำรุงโลหิต (ผล)
2. ช่วยแก้ธาตุพิการ (ผล)
3. ผลใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้ในกองอติสารโรค (ผล)
4. ใบมีรสร้อน สรรพคุณช่วยแก้อาการไอ (ใบ)
5. ใบใช้เป็นยาแก้ลม (ใบ)
6. ช่วยแก้ปอดพิการ (ใบ)
7. ใบและผล มีสรรพคุณช่วยแก้ท้องเสีย (ใบ,ผล)
8. ดอกใช้เป็นยาแก้พยาธิ (ดอก)
9. รากใช้เป็นยาแก้กามโรค หนองใน (ราก)
10. ช่วยแก้โรคระดูของสตรี ด้วยการนำผลสุกมาตากแห้งบดเป็นผงผสมกับน้ำผึ้ง แล้วปั้นเป็นลูกกลอนกิน (ผล)
11. ใบใช้เป็นยารักษาโรคตับพิการ (ใบ)
12. รากใช้เป็นยาพอกปิดแผล ถอนพิษงูกัด แก้พิษงู หรือใช้กากพอกแผล เอาน้ำกิน (ราก)
13. เมล็ดมีสรรพคุณช่วยแก้ลมพิษ (เมล็ด, ผล)
14. ดอกใช้เป็นยาฆ่าเชื้อโรค (ดอก)
15. ต้นใช้เป็นยาฆ่าพยาธิผิวหนัง (ต้น)
16. ต้นใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนัง แก้โรคเรื้อน กุฏฐัง (ต้น) ส่วนผลใช้แก้โรคเรื้อน (ผล)

โคกกระออม


สมุนไพรดีดี ยาตำรับโบราณ
โคกกระออม
โคกกระออม ชื่อสามัญ Balloon vine, Heart pea, Heart seed, Smooth leaved Heart Pea
โคกกระออม ชื่อวิทยาศาสตร์ Cardiospermum Halicacabum Linn. จัดอยู่ในวงศ์ SAPINDACEAE
สมุนไพรโคกกระออม ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีกว่า ตุ้มต้อก (แพร่), วิวี่ วี่หวี่ (ปราจีนบุรี), โพออม โพธิ์ออม(ปัตตานี), เครือผักไล่น้ำ ลูกลีบเครือ(ภาคเหนือ), กะดอม โคกกระออม (ภาคกลาง), ติ๊นโข่ ไหน (จีน), เจี่ยขู่กวา เต่าตี้หลิง ไต้เถิงขู่เลี่ยน (จีนกลาง), สะไล่น้ำ, สะไล่เดอะ, สะโคน้ำ, สะไคน้ำ, หญ้าแมงวี่, หญ้าแมลงหวี่ เป็นต้น
ลักษณะของโคกกระออม
• ต้นโคกกระออม มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาเขตร้อน มีการแพร่กระจายเป็นวัชพืชไปทั่วโลก ในประเทศไทยสามารถพบได้ทุกภาค โดยจัดเป็นพรรณไม้เลื้อยหรือไม้เถาล้มลุกขนาดกลาง มีอายุราว 1 ปี ลำต้นแตกกิ่งจำนวนมาก มีเถายาวประมาณ 1-3 เมตร มักเลื้อยเกาะพันกันขึ้นไปบนต้นไม้หรือตามกิ่งไม้ หรืออาจเลื้อยไปตามพื้นดิน ลักษณะของเถาเป็นเหลี่ยมมีสันประมาณ 5-6 เหลี่ยม และมีขนปกคุลมเล็กน้อย ผิวของเถาเป็นสีเขียว เถามีขนาดโตเท่ากับก้านไม้ขีดไฟ หรืออาจจะเล็กกว่านั้นก็มี และบริเวณข้อของเถาจะมีมือสำหรับยึดเกาะ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด มักเกิดขึ้นทั่วไปตามป่าเบญจพรรณ ตามชายป่า หรือตามที่รกร้างว่างเปล่า ริมทาง ตามริมน้ำ หรือบริเวณที่มีร่มเงา จนถึงระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร
สรรพคุณของโคกกระออม
1. ทั้งต้นมีรสขมและเผ็ดเล็กน้อย ใช้เป็นยาเย็น โดยจะออกฤทธิ์ต่อตับและไต สามารถใช้เป็นยาขับพิษร้อนถอนพิษไข้ได้ (ทั้งต้น)
2. ช่วยแก้พิษในร่างกาย (ทั้งต้น)
3. ช่วยทำให้เลือดเย็น (ทั้งต้น)
4. ดอกมีรสขมขื่น ใช้เป็นยาขับโลหิต (ดอก)
5. ใช้เป็นยารักษาโรคโลหิตให้ตก (ดอก)
6. ทั้งต้นใช้ต้มกินต่างน้ำ จะช่วยลดความดันโลหิตได้ (ทั้งต้น)
7. ใช้รักษาโรคดีซ่าน (ทั้งต้น)
8. ช่วยแก้ตาเจ็บ (ใบ)
9. ทั้งต้นช่วยรักษาต้อตา (ทั้งต้น) น้ำคั้นจากรากสดใช้เป็นยาหยอดตาแก้ตาต้อ (ราก) หมอพื้นบ้านจะนำรากสดๆ มาคั้นกับน้ำสะอาดใช้หยอดตาแก้ตาต้อ แก้เจ็บตาได้ผลดี (ราก)
10. เมล็ดมีรสขมขื่น สรรพคุณใช้เป็นยาแก้ไข้ (เมล็ด) , ส่วนเถาใช้เป็นยาแก้ไข้ รักษาไข้จับ บ้างว่าใช้ทั้งต้นเป็นยาแก้ไข้ (ทั้งต้น)
11. ช่วยแก้ไข้เพื่อทุราวสา แก้ปัสสาวะให้บริบูรณ์
12. เมล็ดมีสรรพคุณช่วยขับเหงื่อ (เมล็ด) บ้างว่าใช้โคกกระออมทั้ง 5 นำมาต้มกินต่างน้ำก็ช่วยขับเหงื่อได้เช่นกัน (ทั้งต้น)
13. ใบมีรสขมขื่น ใช้แก้อาการไอ รักษาโรคหืดไอ แก้ไอหืด ส่วนน้ำคั้นจากใบใช้แก้อาการไอ (น้ำคั้นจากใบ)
14. ทั้งต้นใช้ผสมกับตัวยาอื่น ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้หอบหืด (ทั้งต้น) ส่วนน้ำคั้นจากใบสดก็มีสรรพคุณช่วยแก้หอบหืดเช่นกัน (น้ำคั้นจากใบ)
15. รากโคกกระออมมีรสขม มีสรรพคุณทำให้อาเจียน (ราก)
16. รากใช้เป็นยาระบาย (ราก) บ้างว่าใช้ทั้งต้นเป็นยาระบาย (ทั้งต้น)
17. ช่วยรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
18. ทั้งต้นมีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะขัด และใช้แก้นิ่ว โดยใช้ทั้งต้นนำมาต้มเป็นยาใช้กินต่างน้ำ (ทั้งต้น) หรือ ใช้แก้ปัสสาวะขัดเบา ให้ใช้โคกกระออม และใบสะระแหน่ อย่างละประมาณ 10 กรัม นำมาต้มกับน้ำ(ต้นแห้ง) ส่วนอีกข้อมูลระบุว่าใบเป็นยาขับปัสสาวะ (ใบ)
19. ใช้ทั้งต้นนำมาต้มให้คนแก่ที่อาการต่อมลูกหมากโตใช้กินต่างน้ำเป็นยา จะช่วยลดอาการของต่อมลูกหมากโตได้ (ทั้งต้น)
20. ดอกมีสรรพคุณช่วยขับประจำเดือนของสตรี (ดอก)น้ำคั้นจากใบใช้เป็นยาขับระดูของสตรี (น้ำคั้นจากใบ)
21. ผลมีรสขมขื่น มีสรรพคุณช่วยบำรุงน้ำดี (ผล)
22. ช่วยดับพิษทั้งปวง (ผล)
23. ช่วยดับพิษแผลไฟไหม้ แผลไฟลวก (ผล)
24. ใบสดใช้เป็นยาใส่แผลชั้นยอด โดยใช้น้ำต้มข้นๆ นำมาใช้ล้างแผล (ใบ)
25. ทั้งต้นใช้แก้แมลงสัตว์กัดต่อย แก้พิษงู (ทั้งต้น) รากใช้ตำคั้นเอาแต่น้ำมากินเป็นยาแก้พิษงู ส่วนกากที่เหลือใช้เป็นยาพอกแก้พิษงู พิษงูเห่า และพิษจากแมลง (ราก)
26. ทั้งต้นใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนัง ฝี กลาก เกลื้อน (ทั้งต้น)
27. ใช้แก้ฝีบวม ฝีหนอง ด้วยการใช้ต้นสดนำมาตำผสมกับเกลือเล็กน้อย แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นฝี (ต้นสด) ส่วนใบสดก็สามารถนำมาตำพอกรักษาฝีได้เช่นกัน (ใบ)
28. แก้รัดฐาณฝีและถอดไส้ฝี (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
29. ช่วยแก้อาการปวดบวมฟกช้ำ ด้วยการใช้ต้นโคกกระออมแห้งประมาณ 10-18 กรัม นำมาบดเป็นผงผสมกับเหล้าใช้รับประทาน (ต้นแห้ง)
30. ใช้รักษาอาการอักเสบบวมตามต่างกาย โดยนำมาใบสดมาตำกับเกลือแล้วใช้ทาบริเวณที่มีอาการอักเสบบวม (ใบ)
31. ทั้งต้นมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ (ทั้งต้น)
32. ช่วยรักษาโรครูมาตอยด์ ด้วยการใช้ใบสดนำมาตำคั้นเอาแต่น้ำไปเคี่ยวกับน้ำมันงา ใช้เป็นยาทาเช้าและเย็นติดต่อกันประมาณ 7 วัน อาการของโรครูมาตอยด์จะค่อยๆ ดีขึ้น (ใบ)
33. แพทย์แผนจีนจะใช้ทั้งต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาขับน้ำนม ทำให้เกิดน้ำนม และยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงน้ำนมของสตรี (ทั้งต้น)
วิธีใช้สมุนไพรโคกกระออม
• วิธีใช้ ต้นแห้ง ให้ใช้ประมาณ 10-18 กรัม นำมาต้มกับน้ำประทาน
• วิธีใช้หากเป็นต้นสด ให้ใช้ประมาณ 35-70 กรัม นำมาตำคั้นเอาแต่น้ำรับประทาน หรือใช้เป็นยาพอกภายนอก
***** ข้อห้าม สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทานสมุนไพรชนิดนี้
ประโยชน์ของโคกกระออม
1. ในชนบทจะเรียกต้นโคกกระออมว่า “หญ้าแมงวี่” หากเด็กมีอาการตาแฉะหรือตาแดง ก็มักจะมีแมลงวี่มาตอมมา คนชนบทก็จะใช้เถาของต้นโคกกระออมรวมทั้งใบสดๆ ด้วย มาพันไว้รอบศีรษะ จะทำให้แมลงหวี่กลัวไม่กล้ามาตอมอีก (เถาและใบ)
2. ใช้เป็นยาสระผมกำจัดรังแค ด้วยการนำเถาโคกกระออมมาทุบคั้นแช่ในน้ำพอข้นๆ แล้วนำมาใช้ชโลมศีรษะและทิ้งไว้สักครู่ แล้วค่อยออก จะช่วยกำจัดรังแคได้ดีมาก
3. มีการนำยอดอ่อนโคกกระออมมาใช้รับประทานเป็นผักสดหรือเผาไฟ โดยยอดอ่อนจะมีรสขมเล็กน้อย ช่วยบำรุงสุขภาพ เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความแก่ และช่วยในการต่อต้านมะเร็งได้อีกต่างหาก

สาวผิวสวยด้วย มะเขือเทศ


สมุนไพรดีดี ยาตำรับโบราณ
 มะเขือเทศ
สูตร-สาวผิวสวยด้วย มะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum Mill.)
ในมะเขือเทศ จะมีสาร Curotenoid และมีวิตามินหลายชนิด น้ำจากผลมะเขือเทศสุก จะมีสาร licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย และน้ำมะเขือเทศสดนำมาพอกหน้าจะรักษาสิวสมานผิวหน้าให้เต่งตึง
สรรพคุณ สมานผิว ลดรอยเหี่ยวย่น จุดด่างดำ
ส่วนผสม
**มะเขือเทศ 1 ผล
**รำข้าวหรือข้าวโอ๊ต 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำมะเขือเทศไปปั่นหรือบดให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำผสมรำข้าวหรือข้าวโอ๊ตคนให้เข้ากัน
วิธีใช้
ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดหน้าให้แห้งพอกครีมมะเขือเทศทิ้งไว้นานเท่าที่มีเวลาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ในมะเขือเทศมีวิตามินเอ มาก ซึ่งเป็น วิตามินที่ละลายได้ดีในน้ำมัน การใช้รำข้าวหรือข้าวโอ๊ตเป็นส่วนผสม เพื่อให้น้ำมันในรำข้าวหรือข้าวโอ๊ตเป็นตัวพาวิตามินเอเข้าสู่เซลผิวหน้าได้ดีกว่า การฝานมะเขือเทศมาแปะหน้าเพียงอย่างเดียว สูตรนี้ใช้ได้ทั้งคนผิวแห้งและผิวมัน